วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

Je m'appelle Ketrattanaporn Kaewpakdee
Moi, je déteste le lundi.
Pourquoi? Parce que le lundi il y a les maths.
Je n'aime pas le sport.
Je préfère écoute de la musique et regarde la télévision.

วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555

สระว่ายน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก

...สระว่ายน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ อยู่ในประเทศชิลี ชื่อซานอัลฟองโซ เดล มาร์
ถ้าคิดจะว่ายข้ามให้ได้ ต้องสูดลมหายใจลึกๆ หน่อย เพราะ... มีความยาวถึง 1 กิโลเมตร
มองดูใหญ่โตราวกับเป็นทะเลสาบก็ไม่ปาน


...กินเนสส์บุ๊คได้บันทึกไว้แล้วว่า เป็นสระว่ายน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก
มีพื้นที่ 50 ไร่ บรรจุน้ำ 250,000 ลูกบาศก์เมตร 


...น้ำในสระนั้นนำมาจากมหาสมุทรแปซิฟิก
สระแห่งนี้ลงทุนสร้างด้วยเงิน 1,500 ล้านดอลลาร์
หรือประมาณ 51,000 ล้านบาท 


...น้าร้อน น้ำในสระจะได้รับการรักษาอุณหภูมิไว้ที่ระดับ 26 องศาเซลเซียส
เพื่อให้สามารถลงไปว่ายเล่นได้อย่างสบาย เพราะอุ่นกว่าในทะเลประมาณ 9 องศา 


 


...แต่การทำความสะอาดสระว่ายน้ำยักษ์แห่งนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่
เฟอร์นันโด ฟิสช์แมน นักชีวเคมีแห่งบริษัท คริสตัล ลากูน คอร์ปอเรชั่น
ผู้พัฒนาเทคโนโลยีพิเศษสำหรับสระแห่งนี้ บอกว่า "เทคโนโลยีของเขา
สามารถเก็บ กรองและหมุนเวียนน้ำทะเลในสระกลับออกมาใช้ใหม่ได้


...รีสอร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตอนใต้ของประเ ทศชิลี
อยู่ห่างจากกรุงซานติเอโกไปทางตะวันตกประมาณ 100 กิโลเมตร



สะพานน้ำพุสายรุ้ง Banpo Bridge สะพานน้ำพุที่ยาวที่สุดในโลก
สะพานน้ำพุสายรุ้ง Banpo Bridge สะพานน้ำพุที่ยาวที่สุดในโลก

สะพานน้ำพุสายรุ้ง Banpo Bridge สะพานน้ำพุที่ยาวที่สุดในโลก

สะพานน้ำพุสายรุ้ง Banpo Bridge สะพานน้ำพุที่ยาวที่สุดในโลก

สะพานน้ำพุสีรุ้ง แห่งนี้ ได้รับการจดบันทึกลงกินเนสบุ๊คว่าเป็น สะพานน้ำพุที่ยาวที่สุดในโลก ซึ่งประดับประดาด้วยหลอดไฟ LED กว่า 10,000 หลอด สะพาน Banpo เป็นความมุ่งหวังของเกาหลีใต้ ที่จะเสริมสร้างความสวยงามให้กรุงโซล ขณะเดียวกันก็เชื่อมต่อการคมนาคมระหว่างเขต Seocho และ Yongsanเป็นเส้นทางที่มีสะพานซ้อนกัน 2 ชั้น คือ สะพาน Banpo อยู่เหนือ สะพาน Jamsu ซึ่งในช่วงที่มีปริมาณน้ำฝนมาก สะพานที่อยู่ล่างนั้นถูกออกแบบให้ลดระดับใกล้เคียงกับน้ำที่ขึ้นสูงในแม่น้ำ

สะพานน้ำพุสีรุ้ง Banpo เป็นการออกแบบโดยใช้พลังงานซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการสูบน้ำไหลเวียนจากแม่น้ำ ด้วยตัวสูบน้ำทั้งหมด 38 ปั๊ม และหัวพ่น จำนวน 380 จุด สูบน้ำจากระดับน้ำใต้สะพานลึก 20 เมตร  และพ่นออกด้วยความเร็วที่ระดับความสูง 43 เมตร ให้ปริมาณน้ำ 190 ตัน ต่อนาที

สายน้ำพุตลอดสองฝั่งของ สะพานน้ำพุสีรุ้ง Banpo สร้างความเย็นฉ่ำยามค่ำคืนให้แก่ผู้สัญจร พร้อมรักษ์โลกด้วยการจัดเส้นทางสำหรับจักรยาน ให้ปั่นกันแบบชิลล์ๆ

วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

สิบอันดับประเทศที่โรแมนติกที่สุดในโลก

001

อันดับที่ 10. เมือง Colmar ประเทศฝรั่งเศส 
ถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีความโรแมนติก เมืองหนึ่ง ของประเทศฝรั่งเศส และเป็นสถานที่ ที่คู่รัก มักจะให้คำสัญญาในความรัก ระหว่างกันและกัน สิ่งที่น่าประทับใจในเมือง colmar ก็คือ ไร่องุ่นจำนวนมาก เคียงคู่ไปกับอุตสาหกรรมการผลิตไวน์ชั้นเยี่ยม และบรรยากาศที่สวยงาม สถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ ช่วยทำให้เมือง colmar เป็นอีกหนึ่งในสถานที่โรแมนติกในฝัน
002
อันดับที่ 9. Paris ประเทศฝรั่งเศส เมืองปารีส  
มีสมญานามว่า “สวรรค์แห่งความโรแมนติก” (Heaven of Romantic) ดังที่ สถานที่แห่งนี้ เหมาะเป็นอย่างยิ่ง ที่คุณและคนรัก จะสารภาพ “รักนิรันด์” ระหว่างกันและกัน สิ่งที่น่าประทับใจในเมืองปารีส อย่างเช่น พิพิทธภัณฑ์ le lovore (พิพิทธภัณฑ์ ที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมมากที่สุดในโลก) หอไอเฟล โรงแรม disney land resort ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป พิพิทธภัณฑ์ศิลปะ centre pompidou และสถานที่สวยงามอื่นๆ อีกมากมาย การไปเที่ยวกับคนรักที่ปารีส หากจัดสรรเวลาให้ดี ก็จะคุ้มค่ามาก และสถานที่แห่งนี้ จะเก็บความโรแมนติกอยู่ในใจของคุณไปอีกนานแสนนาน
003
อันดับ ที่ 8. Vanice ประเทศอิตาลี  
หากคุณกำลังมองหาสถานที่ ที่จะเอ่ยกับคนรักว่า เขาหรือเธอ เป็นคนที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต Venice ก็คือ คำตอบสุดท้ายสำหรับคุณ! เมือง venice มีชื่อเสียงโด่งดังในด้าน สุดยอดสถาปัตยกรรม และยังมีหลายสถานที่โรแมนติก เช่น สะพานเก่าแก่ ponte dei sospiri, จตุรัส piazza san marco ที่ได้รับสมณานามว่า “ห้องจิตกรรมของยุโรป” (the – drawing room of europe) และคลองในตัวเมือง “canale grande” ทั้งหมดนี้จะสร้างความโรแมนติก ระดับหรูหรา ให้กับคนรัก และตัวคุณ

004 
อันดับที่ 7. Schloss Neuschwanstein ประเทศเยอรมันนี
สถานที่ ที่ผสมผสาน ความสวยงามตามธรรมชาติ เข้ากับจินตนาการ และความสร้างสรรค์ของมนุษย์ ได้อย่างลงตัว เมือง schloss neuschwanstein มีความสวยงาม ราวกับเป็นสวรรค์บนพื้นโลก รายล้อมไปด้วยทิวทัศน์อันสวยงาม ปราสาทเก่าแก่อายุ 100 กว่าปี (สร้างปี 1899) ซึ่งเยอรมัน ได้ถูกกล่าวขานว่า เป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่มีปราสาทสวยงามที่สุดในยุโรป
005
อันดับ ที่ 6. เมือง Vienna ในประเทศออสเตรีย
เป็นอีกสถานที่ ที่มีคู่รักจากทั่วทุกมุมของโลก แวะเวียนมาเยี่ยมชมความสวยงาม สิ่งที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้คือ สุดยอดสถาปัตยกรรม และสุดยอดผลงานเพลง, ศิลปะ และพิพิทธภัณฑ์ศิลปะ ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก พระราชวัง schoenbrunn, พระราชวัง belvedere, พระราชวัง the hofburg imperial และพิพิทธภัณฑ์นักจิตวิทยาผู้โด่งดัง sigmund freud
006
อันดับที่ 5. Monte Carlo ประเทศโมนาโค เมือง monte carlo

ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่โรแมนติก ที่คุณจะได้สื่อความรัก ไปยังคนรักของคุณ เมืองนี้ตั้งอยู่ที่ตีนของเทือกเขาเอลป์ และเป็นสถานที่ ที่มีเรื่องราวของความรัก ก่อกำเนิดขึ้นมากมาย สิ่งที่น่าสนใจของเมือง monte carlo คือบ่อนคาสิโนเลื่องชื่อ (monte carlo casino) พิพิทธภัณธ์ทางทะเล, พิพิทธภัณฑ์ประจำชาติ และพระราชวัง prince

007

อันดับที่ 4. Prague สาธารณรัฐเช็ก

อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับสถานที่โรแมนติก ก็คือ เมือง Prague ของสาธารณรัฐเช็ก สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย วัฒธรรม และปราสาทเก่าแก่ ผู้คนที่มีมิตรไมตรี และสุภาพอ่อนโยน เมือง prague เป็นสถานที่เกิดของนักดนตรีระดับโลก อย่าง mozart และมีชื่อเสียงในเรื่องของทางเดินอันสวยงามในเมือง ที่คู่รัก สามารถใช้เวลาเดินเล่นด้วยกัน

008

อันดับที่ 3. New York ประเทศสหรัฐอเมริกา

เมือง New York เหมาะสำหรับคู่รัก ที่กำลังมองหาสถานที่ ที่จะใช้ช่วงเวลาแห่งความรัก และความโรแมนติกในหลากหลายรูปแบบ ร้านอาหาร และร้านค้าจำนวนมาก และสถานที่น่าสนใจอื่นๆ เช่น สถานีรถไฟ grand central terminal, อนุสาวรีย์เทพีสันติภาพ และสวนหย่อมขนาดใหญ่ central park (มีกิจกรรมคอนเสริ์ต, มีลานสเก็ตน้ำแข็ง)

009

อันดับที่ 2. Cairo ประเทศอียิปต์
เมือง Cairo ก็ได้รับการกล่าวขานว่า เป็นสวรรค์บนโลกเช่นเดียวกัน (โดยเฉพาะสำหรับคู่รัก) ความงดงามและมนต์เสน่ห์ที่อยู่ในตัวเมือง คือแรงดึงดูด ใหคู่รักเดินทางมาใช้เวลาท่องเที่ยวที่นี่ด้วยกัน และปิรามิด ก็คือสิ่งที่พิเศษที่สุด ท่ามกลางความสยงามในตัวเมือง
010
อันดับที่ 1. Mauritius Island
สถานที่แห่งนี้ ได้รับการกล่าวขานว่า “ปลายทางสุดท้าย ที่โรแมนติกมากที่สุด” (ultimate romantic destination) เกาะ Mauritius มีชื่อเสียงอย่างมาก ในหมู่คู่รักที่จะมาท่องเที่ยว หรือคู่รักที่จะมาฮันนีมูน ต้นปาล์มมากมาย ที่เคลื่อนที่พริ้วไหว ไปตามสายลม บรรยากาศที่สวยงามตามธรรมชาติ แนวหินปะการัง และท้องทะเลสีฟ้า เป็นส่วนหนึ่ง ในอีกหลายๆ สิ่ง ที่ทำให้สถานที่แห่งนี้ สวยงามจนยากที่จะลืมเลือน

Marianne

 

Marianne มาจากชื่อคนธรรมดาว่า มารี และ อานน์ แต่สองชื่อน้ได้รับความนิยมในช่วงของการเลิกทาศหรือการปฏิวัติของฝรั่งเศสอยากแพร่หลายที่มาจริงๆน่าจะมาจากยุกโรมัน มารีอานน์จะมีลักษณะเป็นรูปหล่อโดยปูนเป็นรูปผู้หญิงครึ่งท่อนสวมหมวกฟรีเจียน
มารีอานน์คือหนึ่งในสัญญลักษณ์แห่งฝรั่งเศส ในด้านของคำขวัญว่า "Liberté Egalité Farternité" (ลิเบคเต้ เอกาลิเต้ ฟราเตคนีเต้) เสรีภาพ ภาราดรภาพ และความเป็นหนึ่งเดียว


เรามักจะเห็นมารีอานน์ในแบบของสแตมป์ โปสการ์ด และรูปหล่อตามอาคารต่างๆมากมาย




ฮัลโลวีน ในประเทศฝรั่งเศสมีท่ไปที่มาเหมือนๆกับไอร์แลนด์และในอังกฤษเลยครับ แต่ที่แตกต่างก็น่าจะเป็นการเฉลิมฉลองของเทศกาลนี้แบบทันสมัยหน่อย คือว่าในดีสนีย์แลนด์ในฝรั่งเศสเนี่ย เค้าจะมีการจัดการแข่งขันประกวดเเต่งตัวของเด้กๆ มีพวกตัวมาสค็อท  ทั้งหลายแต่งตัวให้เข้ากับเทศกาลนี้ และยังมีการแจกลูกอมอีกด้วย

 

 

 

วันฮาลโลวีน ซึ่งตรงกับวันที่ 31 ตุลาคม เป็นวันฝรั่งปล่อยผี ที่เป็นเทศกาลที่เด็กอเมริกัน ลุกขึ้นมาแต่งตัวเป็นตัวละครรูปร่างต่างๆ ทั้งตลกทั้งน่าเกลียดน่ากลัว แล้วออกไปเคาะตามประตูเพื่อนบ้าน เพื่อขอขนม พอเจ้าของบ้านมาเปิดประตู เด็กๆ ก็จะพร้อมใจกันร้องว่า trick or treat! 
โดยที่ trick แปลว่า การเล่นแกล้ง และ  treat แปลว่าขนม ซึ่งก็หมายความว่า ถ้าเจ้าของบ้านไม่ยอมแจกขนม เด็กๆ ก็จะเล่นแกล้ง ด้วยการเอาสบู่ หรือครีมโกนหนวดมาทาหน้าต่างบ้านหรือหน้าต่างรถ ในส่วนของเจ้าของบ้านเอง พอใกล้วันฮาลโลวีน แต่ละบ้านก็จะลุกขึ้นมาแต่งบ้านให้เหมือนเป็นบ้านผีสิงบ้าง ปราสาทร้างบ้าง ให้ดูน่ากลัว พร้อมทั้งนำฟักทองที่สลักเป็นรูปหน้าคน  ที่เรียกว่า Jack o'Lantern มาวางไว้หน้าบ้าน และจุดเทียนไว้ข้างในให้เป็นแสงวับๆ แวมๆ สร้างบรรยากาศให้หน้ากลัวสมเป็นวันฝรั่งปล่อยผี
คุณวนิดา สตีกัลล์  ชาวนครอ๊อสติน มลรัฐเท็กซัสปีนี้ ฉลองวันฮาลโลวีนด้วยการไปร่วมเต้นการกุศลเป็นตัวผีดิบในเพลง Thriller  ของ Michael Jackson เพื่อทำลายสถิติโลก และรณรงค์รับบริจาคอาหารเข้าธนาคารอาหารในนครอ๊อสติน นอกจากนั้น ในค่ำวันฮาลโลวีน คุณวนิดา จะร่วมสนุกด้วยการผสมผสานการเมือง ไปกับเรื่องการปล่อยผี ด้วยการแต่งตัวเป็นซาร่า เพลิ่น
วันฮาลโลวีน  มีต้นกำเนิดมาจากประเพณีโบราณของชาวเคล์ถ ที่เคยมีถิ่นฐานอยู่ในไอร์แลนด์ อังกฤษและตอนเหนือของฝรั่งเศส เมื่อกว่า 2000 ปีมาแล้ว ตามประวัติเล่าว่า ชาวเคลถ์ ถือว่าวันที่ 1 พฤศจิกายนของทุกปีเป็นวันขึ้นปีใหม่ เนื่องจากว่า เป็นช่วงสิ้นสุดฤดูร้อนและการเก็บเกี่ยวพืชผล และเป็นช่วงเริ่มต้นของฤดูหนาวที่อากาศมืดมิดและหนาวเย็นและเป็นช่วงแห่งความตาย เพราะฉะนั้น ในวันสิ้นปี คือวันที่ 31 ตุลาคมจึงเป็นช่วงวันต่อ ระหว่างโลกของชีวิตและโลกแห่งความตาย และเป็นวันที่วิญญาณและภูติผีปีศาจลุกขึ้นมาท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ในโลก เพื่อจะหาร่างของคนเป็นๆ มาเข้าสิง    
ในคืนวันที่ 31 ตุลาคม ชาวเคลถ์ เลยลุกขึ้นมาจุดกองไฟ และแต่งตัวเป็นรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัวต่างๆ เพื่อจะกันไม่ให้ภูติผีปีศาจมาจับตัวไป ต่อมาในช่วงต้นคริสต์กาล ชาวโรมันเข้าครอบครองพวกเคลถ์ และนำประเพณีโรมันโบราณ 2 ประเพณี มาผสมผสานเข้ากับประเพณีของชาวเคลถ์ คือประเพณีวันส่งวิญญาณของผู้เสียชีวิตในแต่ละปี และประเพณีเทพธิดาโพโมน่า ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งต้นไม้และผลไม้ 
ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 7 พระสันตปาปาบอนนิเฟซที่สี่ กำหนดให้วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นวันรำลึกถึงนักบุญในศาสนาคริสต์ ที่เรียกว่า All Saint's Day หรือ Hallowmas วันที่ 31 ตุลาคมซึ่งเป็นวันสุกดิบก่อนหน้าวัน Hallowmas จึงกลายเป็นวันรำลึกถึงผู้เสียชีวิต ที่เรียกว่า  All Hallow's Eve ซึ่งกลายมาเป็นวัน Halloween ชาวไอริชซึ่งสืบเชื้อสายมาจากชาวเคลถ์ นำประเพณีการฉลองวัน ฮาลโลวีน มายังสหรัฐ เมื่อชาวไอริช ต้องอพยพหนีฉาตกภัยเนื่องจากมันฝรั่งขาดแคลนมาตั้งถิ่นฐานในสหรัฐเมื่อกว่า หนึ่งร้อยหกสิบกว่าปีก่อน